เริ่มต้นกับหูฟังระดับ audiophile แบรนด์จากญี่ปุ่น
จากตอนแรกที่ไม่ค่อยได้ฟังเพลง ไม่ค่อยเข้าถึงในเสียงเพลงเท่าไร ใช้หูฟัง in-ear ของ creative รับโละมาจากน้องชายก็ว่าเสียงเพราะ ไปโฆษณาคนนู้นคนนี้ นอกจากนั้นยังชอบไปดูถูกพวกหูทองอีกว่าซื้อของแพงๆแบบนี้มาได้อย่างไร แพงก็แพง เอาว่าเข้าไม่ถึงละกัน จนวันนึงได้มีโอกาสฟังหูฟัง full size ยี่ห้อ Grado SR80 ของน้องชาย พอฟังปุ๊บ เฮ่ย..ทำไมเสียงมันครบรส ชัดเจน ใส ได้ยินทุกรายละเอียด นี่มัน นี่มัน เป็นโลกของพวกหูทองที่เราไม่เคยเข้าถึงเลยนี่นา โอว อา ชาบูๆ....จากนั้นจึงตั้งเป้าไว้ว่าเราต้องหาหูฟังเมพมาครอบครองสักคู่นึงให้ได้ จากการถามอากู๋ไปเรื่อย ก็มี line มาจากเพื่อนเก่าที่กำลังจะกลับจากญี่ปุ่นมาประเทศไทย คนนู้นคนนี้ก็ฝากซื้อของกันมากมาย ไอ้เราก็ตามกระแสบ้าง ถามเพื่อนมันเล่นๆว่า เฮ่ย ATH-AD900X ที่ญี่ปุ่นมันเท่าไรวะ ไม่นานเพื่อนมันก็ตอบมาว่า XXXX หูอะไรไมแพงจัง ไอ้เราตาลุกวาว อ้าวชิบหาย เมืองไทยมันหมื่นอัพนี่ว่า ไม่รอช้าฝากซื้อในทันใด
PACKING
หูฟังมาในกล่องกระดาษเปิดฝาจ๊ะเอ๋ดูหน้าค่าตากันได้ เปิดฝาดึงออกมามีถาดพลาสติกบางๆบรรจุมาอย่างดี (ในรูปผมแกะจนเยินไปแล้วสายเสยเลยไม่เรียบร้อยเหมือนตอนมานะครับ) ในกล่องประกอบด้วยหูฟัง สายม้วนยาว 3 เมตรมัดมาอย่างดี และหัวแปลงแจ็ค 3.5 mm ไปยัง 6.3 mm สำหรับเสียบเครื่องเสียงโปรๆได้เลย คู่มือ และใบรับประกัน
MODEL : ATH-AD900X
TYPE : Open-Air Dynamic
DRIVER : Ø53 mm
MAGNET : Neodymium with CCAW coil
FREQUENCY RESPONSE : 5 – 35,000Hz
MAXIMUM INPUT POWER : 1,000 mW
SENSITIVITY : 103 dB/mW
IMPEDANCE : 38 Ω
WEIGHT : 265 g
CABLE : 3.0m elastic TPE sheath with OFC cord
CONNECTOR : Ø6.3 / Ø3.5 mm gold-plated stereo plug
CONSTRUCTION โครงสร้าง

เป็นหูฟังที่มีขนาดใหญ่เลยแหละ แต่น้ำหนักเบาสบายสามารถสวมได้หลายๆชั่วโมง โครงสร้างหลักเป็นพลาสติก จุดเด่นคือมี 3D wings เอาไว้เคลื่อนที่แบบ 3 มิติ เอ้ยไม่ใช่และ เอาไว้ปรับระดับให้เข้ากับศีรษะแบบอัตโนมัติ ว้าวว ไม่ต้องรูดขึ้นรูดลงแบบหูฟังอื่นๆ แถม ไม่มีที่คาดมากดหัวด้วย ผมใส่แล้วรู้สึกใส่สบายครับ ใส่แล้วนอนฟังบนหมอนนิ่มๆได้ไม่มีปัญหา ฟองน้ำนิ่มสบายครอบหู ไม่กดหูด้วยแรงที่มากจนเกินไป สายไฟเป็นพลาสติกเด้งๆโตประมาณนึง ไม่พันกันแน่นอน (ให้สายมา 3 เมตร แต่เอามาฟังกับไอพ็อดนี่แอบเกะกะเหมือนกัน)
SOUND ลองมาฟังเสียงกัน
ขอออกตัวก่อนว่าเป็นมือใหม่ไม่ใช่นักเล่นเครื่องเสียง ไม่ได้หูทอง ขอใช้คำศัพท์บ้านๆละกัน หลังจากลองฟังเพลงที่เป็น FLAC rip ลง iPod แบบ Apple Lossless และผ่านการ burn-in มาแล้วประมาณ 100 ชม. หูฟังตัวนี้ขับง่ายครับ ใช้แค่ไอพ็อดเร่งกลางๆก็ดังกำลังดี แต่เคยเอาไปลองกับ DAC-Amp Audio-GD Fun พี่ท่านนึงฟังแล้วบอกว่ายิ่งช่วยขับประสิทธิภาพออกมาอีกเยอะเลยครับ แต่ผม(ยัง)ฟังไม่ออกครับ หูฟังตัวนี้เป็นหูฟังแบบเปิด ต่างกับ A900X ที่เป็นหูฟังแบบปิด หูฟังแบบเปิดนั้นจะมีเสียงเล็ดลอดออกไปได้และไม่กั้นเสียงจากภายนอก แต่สิ่งที่ได้มาคือเสียงที่ใสและโปร่งกว่าครับ
จุดเด่น : เอกลักษณ์ของหูฟังตัวนี้เสียงที่ได้จะเน้นเสียงกลาง-แหลม ชัด ใส คม มาก เหมือนเปิด crystalize ไว้ตลอดเวลา มีมิติและ sound stage ที่กว้างขวาง ให้รายละเอียดของเสียงครบถ้วน เสียงนักร้องหายใจเข้า เสียงเขย่าไข่หรือแซกเบาๆ ได้ยินหมด ผมค่อนข้างจะเป็นคนที่โรคจิตเล็กๆชอบไปฟังดีเทลพวกนี้ รู้สึกชอบค้นหาว่าเพลงเขาใส่อะไรมาบ้าง หูฟังตัวนี้เน้นเสียงกลาง เสียงร้องของนักร้องที่หวานไพเราะใสกริ๊ก
จุดอ่อน : เบส แน่นอนเสียงใสๆมักไม่มาคู่กับเบส สำหรับคนที่ชอบเสพติดเบส ฟังมันๆจังหวะเร็ว หูฟังตัวนี้ทำได้ไม่ค่อยดีนัก เบสค่อนข้างเบาครับ อาจรู้สึกไม่ชอบเลยแหละสำหรับหูฟังเสียงออกกลาง-แหลม บางเพลงเองที่เป็นนักร้องหญิงเสียงสูงๆ ผมยังรู้สึกบาดหูอยู่ลึกๆเลย
เพิ่มเติม ผมไปเจอรีวีวของฝรั่งท่านนึง ตานี่บ้าหูฟังมาก สอยเด็ดๆมารีวีวหมด ซึ่งหูฟังตัวนี้(แต่เป็นรุ่นก่อน ไม่มี X) พี่แกรีวีว คุณภาพเมื่อเทียบกับราคาให้เกรด A+ เลยครับ ลองอ่านดูเผื่อสนใจ
http://www.head-fi.org/t/634201/battle-of-the-flagships-58-headphones-compared-update-audeze-lcd-2-revision-2-6-4-13
หลังจากได้เริ่มก้าวขาเข้ามาในวงการนี้ มันก็คงไม่จบง่ายๆแน่ 555 ข้อนึงที่ผมเรียนรู้คือ หูฟังที่แพงเป็นหูฟังที่ดี แต่ ไม่จำเป็นว่ามันจะเหมาะกับเรา การมานั่งอ่านรีวีว หาข้อมูลต่างๆ มันช่วยได้แค่ระดับนึงเท่านั้น ถ้าท่านคิดจะซื้อหูฟังดีๆผมแนะนำให้ไปลองฟังด้วยตัวเองครับ แล้วท่านจะได้หูฟังที่ถูกใจ
ปล.แนะเผื่อไว้พอดีผมได้ไปลองหูฟัง SENNHEISER HD600 และ HD650 เสียงจะ balance และฟังง่ายกว่า แต่อย่างที่บอก หลายๆอย่างก็กิน AD900X ตัวนี้ไม่ลง ถ้าจะซื้อต้องไปลองฟังเองครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ
Series9